[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by ฟรีสื่อการเรียนการสอน


บทความ


บทความยิ่งใช้หน้าจอมาก สมองเด็กจะยิ่งอ่านหนังสือได้แย่ลงหรือเปล่า?

อังคาร ที่ 14 เดือน มกราคม พ.ศ.2563





✏️ยิ่งใช้หน้าจอมาก สมองเด็กจะยิ่งอ่านหนังสือได้แย่ลงหรือเปล่า?

ปัจจุบันนี้เรากำลังกังวลเรื่อง screen time (เวลาหน้าจอ) หมายถึงเวลาที่เราใช้ในกับหน้าจอทุกชนิด ทั้งสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ แทบเล็ต และทีวี ทุกวันนี้เด็กไทยใช้เวลาหน้าจอถึง 35 ชม./สัปดาห์ หรือเฉลี่ย 5 ชม./วัน สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกถึง 3 ชม....... แล้วมันเดือดร้อนตรงไหน ??

📍หนึ่งในปัญหาที่เราพบ จากการใช้หน้าจอในเด็กวัยประถม คือ “ยิ่งเด็กใช้หน้าจอมาก สมองเด็กอาจจะยิ่งอ่านหนังสือได้แย่ลง”

นักวิจัยจาก Cincinnati Children’s Hospital ทำการสแกนสมองเด็ก ป.2-6 อายุ 8-12 ปี ได้พบว่า

🍏ยิ่งเด็กใช้เวลาหน้าจอมากเท่าไหร่ วงจรสมองที่ทำงานด้านการอ่าน ก็จะทำงานประสานกันลดลง ซึ่งนักวิจัยคิดว่า ที่สมองเป็นแบบนี้ น่าจะทำให้เด็กๆ อ่านหนังสือได้แย่ลง อ่านเข้าใจเรื่องได้ช้า นึกภาพเรื่องที่อ่านนั้นไม่ออก

🍎ตรงกันข้าม ยิ่งเด็กใช้เวลาอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ มาก ก็ทำให้สมองที่ทำหน้าที่โดยตรงในการอ่าน ประสานงานกันได้ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้เด็กมีทักษะการอ่านที่ดี นั่นหมายความว่า ในวัยเด็ก ยิ่งเราอ่านหนังสือ เรายิ่งอ่านเก่งขึ้น แต่ยิ่งใช้เวลากับหน้าจอมากขึ้น ยิ่งอ่านได้แย่ลง

แล้วเด็กควรจะใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเท่าไหร่?

📍 เวลาหน้าจอที่แนะนำโดยองค์การอนามัยโลก และสถาบันกุมารแพทย์อเมริกัน มีดังนี้

👉เด็กอายุต่ำกว่า 1.5 ขวบ ควรหลีกเลี่ยงหน้าจอ ยกเว้นการวิดีโอคอล

👉เด็กอายุ 1.5-2 ขวบ ควรหลีกเลี่ยงหน้าจอเช่นกัน ถ้าจะใช้จริงๆ ก็ควรได้ใช้หน้าจอร่วมกับพ่อแม่ และต้องมีการพูดคุยและเล่นกัน (เรียกว่า การ co-view และ co-play) เด็กถึงจะเรียนรู้อะไรจากหน้าจอนั้นได้

👉เด็กอายุ 2-5 ขวบ ควรจำกัดเวลาใช้อยู่ที่ 1 ชั่วโมงต่อวัน ยิ่งน้อยยิ่งดี และเนื้อหานั้นจะต้องมีความเหมาะสมสำหรับเด็ก

👉เด็กอายุ 5 ขวบขึ้นไป ไม่มีคำแนะนำว่าควรจำกัดเวลาอยู่ที่เท่าไหร่ เพียงแต่บอกว่า ไม่ควรมากเกินไป เช่น ตกลงกันว่าจะใช้วันละกี่ชั่วโมง ให้มีเวลานอนหลับ ออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพอย่างเพียงพอ ไม่ใช้หน้าจอในห้องนอนและก่อนนอน เพราะการใช้หน้าจอใกล้เวลานอน จะรบกวนการหลับของเด็ก

แต่ว่า!!
📍มีคนวิจารณ์เหมือนกันว่า คำแนะนำนี้โบราณไปหน่อย (conservative) จริงๆแล้วเราก็อาจจะรู้น้อยไปว่าหน้าจอมีผลต่อสมองเด็กอย่างไร เพราะหน้าจอพึ่งเริ่มเข้ามาในชีวิตเด็กได้เพียง 10 ปี อย่าลืมว่า ไอโฟนออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในปี 2007 และ และเด็กๆ ที่โตมากับหน้าจอตั้งแต่แบเบาะ ขณะนี้อายุประมาณ 13 ปีและอยู่ในชั้นม.1 มีผู้ถกเถียงว่า หน้าจอมีข้อดีมากมาย เพราะเด็กได้ปฏิสัมพันธ์กับมัน ถ้าเนื้อหาที่ถูกผลิตออกมาเหมาะกับเด็ก แล้วมันจะมีปัญหาอะไร จึงมีคนจำนวนหนึ่งที่เห็นว่า ให้แค่ 1-2 ชั่วโมงนั้นอาจจะน้อยเกินไป แต่นี่เขาก็มีข้อแม้ว่า เนื้อหาต้องดี นี่สิเรื่องยากที่สุด อย่างไรก็ตาม คำแนะนำนี้ก็อาจจะเปลี่ยนอีกในอนาคต เมื่อมีงานวิจัยใหม่ๆ เกี่ยวกับสมองเด็กออกมาค่ะ จึงต้องติดตามกันต่อไปแบบปีต่อปีเลยค่ะ

### ฉัตรียา เลิศวิชา นักวิชาการด้าน Mind Brain and Education


ขอขอบคุณและติดตามเพจได้ที่ BBL Brain-based Learning Thailand


เข้าชม : 3078


บทความ 10 อันดับล่าสุด

      บ้านนี้มีสีรุ้ง สสส เขาทำ ebook ออกมาเผยแพร่ให้อ่านกันฟรี ประเด็นเกี่ยวกับเรื่อง LGBT และเนื้อหาใน ebook จะเน้นไปที่คนเป็นพ่อแม่ ให้พ่อแม่เข้าใจว่า LGBT คืออะไร เกิดจากอะไร ต้องไปเปลี่ยนแปลงให้เขาเป็นตามที่เราต้องการมั้ย การให้การยอมรับและได้ใช้ชีวิต 31 มี.ค. 2564
      ปลูกผักตามฤดูกาล รู้ไว้ได้ใช้ประโยชน์ 12 มี.ค. 2564
      เบอร์โทรติดต่อ เบอร์มือถือสอบถามบ้านพักรับรองเขื่อนสิรินธร 6 มี.ค. 2564
      รวมอาชีพเสริมออนไลน์ ลงทุนนิดเดียว 15 มี.ค. 2563
      สถานที่และตำแหน่งในการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ 9 มี.ค. 2563
      วิธี DIY พับแมสผ้าง่ายๆ จากผ้าเช็ดหน้าที่ทุกคนสามารถพับทำใช้ได้เอง 3 มี.ค. 2563
      DIY ทำผ้าปิดจมูกใช้เอง การตัดเย็บผ้าปิดจมูกทำง่ายๆ ด้วยตัวเอง 1 มี.ค. 2563
      พ่อแม่ไม่เคยให้อะไรฉันเลย 25 ก.พ. 2563
      ยิ่งใช้หน้าจอมาก สมองเด็กจะยิ่งอ่านหนังสือได้แย่ลงหรือเปล่า? 14 ม.ค. 2563
      ฉี่คืออะไร กินได้จริงไหม??? 25 พ.ย. 2562



แสดงความคิดเห็น


ชื่อ/Email :
ใส่รหัสที่ท่านเห็นลงในช่องนี้
ความคิดเห็น :


กรุณาใช้คำพูดที่สุภาพ และอย่าใช้คำพูดที่พาดพิงถึงบุคคลอื่นให้เสียหาย ขอขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ